BANGKOK GRAPHIC

บทบาทของ UX คือการเชื่อมทีมเข้าด้วยกัน

รับออกแบบ Website

บทบาทของ UX คือการเชื่อมทีมเข้าด้วยกัน

จริง ๆ แล้วภาระหน้าที่ของ UX ในแต่ละบริษัทไม่ค่อยเหมือนกัน บางบริษัทใช้ UX ในการคิดวิเคราะห์ถึงขนาดห้ามวาด Wireframe เลยทีเดียว บางบริษัทก็ให้ UX ทำหน้าที่หลักคือการวาด Wireframe บางบริษัท UX ก็ทำตั้งแต่ออกแบบไปจนถึงเขียน code เลยก็มี แต่ผมพบว่าบทบาทสำคัญที่ UX มักจะเป็นไปโดยไม่รู้ตัวคือการเชื่อมทุกทีมเข้าด้วยกัน

การที่ฝ่ายคุยกันโดยมี User เป็นศูนย์กลางก็เหมือนจะเป็นแนวคิดที่ดี และทุกบริษัท ทุกฝ่าย ก็น่าจะคิดแบบนี้อยู่แล้ว แต่จากบทที่แล้วเรื่อง ขั้วอำนาจในการปั้นโปรแกรมที่เล่าว่ามีสามฝ่ายคือ ฝ่ายธุรกิจ ฝ่ายพัฒนา และ ฝ่ายออกแบบ จะเห็นว่าการให้ทั้งสามฝ่ายเอาผู้ใช้นำ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ผู้ใช้ก็มักจะถูกลืมอยู่เสมอ เพราะแต่ละฝ่ายล้วนผ่านประสบการณ์ในสายของตัวเองมาอย่างโชกโชนจนทำให้มีมุมมองเฉพาะทางในฝ่ายของตนเอง ยิ่งพอลงลึกก็ยิ่งทำให้ลืมผู้ใช้ได้ง่ายขึ้นเรื่อย ๆ

ยิ่งในที่ประชุม พอถึงตอนที่เริ่มคุยกันไม่ลงตัว แต่ละฝ่ายก็จะงัดเอาไม้ตายของตัวเองมาใช้

ฝ่ายธุรกิจ ก็จะอ้างถึง Market research, อ้างถึงลูกค้า, KPI หรือไม้ตายสุดยอดคือใช้อำนาจบริหารให้การสั่งการ ถ้าฝ่ายธุรกิจมีตำแหน่งสูงกว่าทุกฝ่ายก็ต้องยอม

ฝ่ายพัฒนา ก็เป็นฝ่ายที่มีเสียงดังเพราะเป็นคนที่ลงมือสร้าง ดังนั้นถ้าฝ่ายนี้อ้างถึงปัญหาทางเทคนิค หรือข้อจำกัดของเครื่องมือที่เลือกใช้ หรือไม้ตายเรื่องเวลาในการพัฒนา (หลายครั้งก็อ้าง Agile เฉยเลย) ซึ่งฝ่ายอื่น ๆ น่าจะฟังไม่เข้าใจจนต้องยอมในที่สุด

ฝ่ายออกแบบ มักมีเสียงน้อยที่สุด ยกเว้นว่าที่ทำงานนั้นให้ความสำคัญกับการออกแบบมาก ๆ นักออกแบบก็สามารถใช้เครื่องมืออย่าง Persona หรือ User Journey ได้ แต่ที่เคยเห็นมาฝ่ายออกแบบมักใช้ไม้ตายอื่นแทน อย่างเช่น ข้ออ้างเรื่องความสวยงามหรือระยะเวลาในการสร้างสรรค์ ซึ่งจับต้องได้ยากและดูจะเป็นข้ออ้างที่ต้องเข้าใจ

หากแต่ละฝ่ายใช้เครื่องมือที่ตนเองเชียวชาญ ก็เป็นเรื่องยากที่คนอื่นจะเข้าใจ เมื่อไม่เข้าใจก็จะงัดเอาเครื่องมือของตัวเองออกมาใช้บ้าง ก็ยิ่งทำให้บานปลายกันไปใหญ่ สุดท้ายก็หาทางออกด้วยวิธีประนีประนอม โดยที่ไม่มีผู้ใช้อยู่ในสมการ

การศึกษาแบบ MOOCs

รับออกแบบ Website

การศึกษาแบบ MOOCs

MOOCs ย่อมาจาก Massive Open Online Course หมายถึง หลักสูตรการเรียนการสอนแบบออนไลน์ แบบเปิดเสรีสำหรับทุกๆคนในโลก สามารถสมัครเข้าเรียนได้โดยไม่จำกัดจำนวน เน้นในระดับการศึกษารขั้นสูงที่ในระบบการศึกษาแบบเดิมที่มีข้อจำกัด อยู่แต่เฉพาะในห้องเรียน และรองรับผู้เรียนในจำนวนน้อย
รูปแบบโดยทั่วไปของสื่อการสอน
    1. “สื่อสั้น” เพื่อโฆษณารายวิชา
    2. อาจารย์บรรยาย + Infographic + บรรยายประกอบภาพ
    3. อาจารย์บรรยาย + Green Screen + ภาพกราฟิก
    4. สัมภาษณ์ + อภิปราย + พูดคุย
    5. ถ่ายทำในสถานที่จริง หรือลงพื้นที่
    6. สาธิต หรือ สถานการณ์จำลอง
    7. เล่าเรื่องด้วย Stop Motion
  Link : สอน Code Online ผ่านเกม   Link : Quality Image :: Footage   Link : Thai Mooc    

5 ทักษะที่ Graphic Designer มีใว้ยังใงก็ไม่อดตาย!

รับออกแบบ Website

5 ทักษะที่ Graphic Designer มีใว้ยังใงก็ไม่อดตาย!

มาดูกันซิว่าเครื่องมือที่จำเป็นมากๆต่อ Graphic Designer แท้ที่จริงมีอะไรบ้างที่สำคัญ แม้ว่าการเป็นนักออกแบบที่สุดยอดนั้นควรมีทักษะเยอะๆ มีความสามารถหลากหลาย ใช้งานเครื่องมือออกแบบต่างๆได้อย่างคล่องแคล่วเชี่ยวชาญ แต่ในการทำงานจริงๆ เราก็พบข้อจำกัดมากมายที่ไม่เอื้อให้เราได้ใช้เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด หลายๆครั้งเราจำเป็นต้องใช้ทักษะเดิมๆ วิธีการเดิมๆ ในการสร้างงานให้สำเร็จให้ได้และต้องดีด้วย อย่างไรก็ตามไม่ใช่เรื่องเลวร้ายถ้าเราจะใช้เครื่องมือเดิมๆเพื่อออกแบบให้งานออกมาได้ทันกำหนดส่ง และมันก็เป็นงานที่ดีได้หากคุณเพิ่มพูนความชำนาญในทักษะนั้นๆได้อย่างเชี่ยวชาญจริงๆ แบบที่เรียกได้ว่าเป็นเทคนิคประจำตัวได้เลยทีเดียว และด้วยทักษะพื้นฐานเหล่านี้เองที่จะช่วยแยกงานระดับ Professional กับมือสมัครเล่นออกจากกันได้ ด้วยประสบการณ์ส่วนตัว ผมพบว่ามีทักษะจำเป็นไม่กี่อย่างหรอกที่เรานำมาใช้เป็นประจำ แต่หากเราใช้มันอย่างชำนาญแล้ว อย่างไรเสียก็ไม่อดตายแน่นอน เพราะมันครอบคลุมการทำงานได้แทบหมดบนโลกนี้ ( อันนี้ก็ดูโม้ไปนิด โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ) 1. Die-Cut การไดคัทจะว่าง่ายก็ไม่แน่เสมอไป เช่นถ้าเจอสถานการณ์ยากๆอย่าง รูปคุณภาพต่ำ ฉากหลังรกรุงรัง สภาพแสงแย่ๆ ก็ทำเอาเรื่องง่ายๆกลายเป็นงานหินได้เหมือนกัน การไดคัทของมือโปรกับมือใหม่แยกออกง่ายมาก สังเกตุได้จากเส้นขอบ งานดีๆจะเห็นว่าส่วนที่ควรคมก็จะคม ส่วนที่ควรฟุ้งก็จะฟุ้งและส่วนที่ปรับเซียนสุดๆก็คือ เส้นผมหรืออะไรทำนองนั้นหละครับที่จะทำให้งานทั้งหมดออกมาแน่ได้เลยหากว่าไดคัทไม่เนียน ก็เลยเอา Tutorial เกี่ยวกับการไดคัทเส้นผมมาฝากกันเป็นของแถม มีหลายเทคนิค / วิธีการให้เลือกเอาตามใจชอบนะครับ ฝึกฝนบ่อยๆก็จะได้คล่องแคล่วถ้าทำเรื่องยากๆอย่างเส้นผมได้ดีส่วนอื่นๆก็ไม่ต้องกังวัลแล้วครับ Die Cut Hair 1 | Die Cut Hair 2 | Die Cut Hair 3 2. Pen Tool PenTool ปากกาคือสุดยอดเครื่องมือที่ช่วยคุณเนรมิตสิ่งต่างๆให้เป็นจริงได้ การวาดเส้นคือจุดเริ่มต้นของทุกๆอย่าง ไม่ว่าคุณจะดร๊าฟภาพจากรูปถ่าย หรือจะวาดเส้นจากภาพสเก็ต การไดคัทภาพ หรือแม้แต่สร้างรูปทรงต่างๆตามใจต้องการก็ตาม ยิ่งวาดคล่องงานยิ่งเร็ว ยิ่งวาดบ่อยๆงานยิ่งดีขึ้นหากคุณสามารถควบคุมเส้นได้ดั่งใจไม่ว่าจะดัดโค้งหรือยึกยักไปมาคุณก็สามารถสร้างกราฟฟิกอะไรบนโลกนี้ก็ได้ครับ 3. Blend Mode อันนี้ผมถือเป็นไอเทมลับเลย การใช้ Blend Mode เนี่ย พูดง่ายๆว่ามันคือ การกำหนดค่าให้ Layer มีคุณสมบัติในการโปร่งใสเมื่อค่าสีใดสีหนึ่งมาเจอกับอีกสี อะไรทำนองนั้นนะครับ ไม่ว่าจะในโปรแกรม Illustrator หรือ Photoshop มันจะทำหน้าที่แบบเดียวกัน และมีให้เลือกเยอะมากๆเลย จนบางทีเราสับสนไม่รู้อะไรเป็นอะไร แต่ถ้าเราให้เวลากับการทดลองทับไปมาเรื่อยๆ บางครั้งเราก็จะพบว่าได้ผลลัพธ์ดีๆที่ไม่คาดคิดมาก่อนแต่โดยส่วนใหญ่ อันที่ใช้กันบ่อยก็จะมี Multiply , Screen , Overlay , Soft Light Chart วันนี้เอาตารางไปดูความแตกต่างของแต่ละแบบก่อนนะครับ ผมขอเวลารวบรวมเรียบเรียงข้อมูลเพื่ออธิบายว่าแต่ละโหมดทำหน้าที่แบบไหน อย่างไร ใว้ในโอกาสหน้าแล้วกันนะครับ 4. Color Taste

color

พูดกันตรงๆก็คือรสนิยมในการเลือกใช้สีนั่นแหละครับ สีเดียวอาจจะยังไม่เท่าไหร่แต่เมื่อต้องใช้สีมากกว่า 2 สีทีไรก็มักสร้างปัญหาให้ Graphic Designer มือใหม่ได้อยู่เสมอๆ บางครั้งใช้คู่สีที่จัดว่าดีแล้วแต่ค่าความสด ความเข้ม ความสว่าง ไม่สมดุลกันก็ทำให้ภาพรวมของงานดูกร่อยไปในทันที ทางออกก็ไม่ยุ่งยากอะไรเลยครับ เราแค่ดูว่างานสวยๆเค้าใช้สีแบบไหน คู่สีแบบไหน สมดุลสีแบบไหน ดูให้เยอะๆเข้าใว้ เราก็จะจำได้เองอัตโนมัติ และยิ่งตอนนี้ก็มีเครื่องมือเกี่ยวกับการเลือกสีให้เราใช้งานเยอะแยะมากมายทั้งในตัวโปแกรมออกแบบเอง และตามเว็บไซต์ต่างๆก็จงใช้ให้เป็นประโยชน์เถิดครับ งานดีๆมาดับด้วยการใช้สีเยอะแล้วครับ ตัวช่วยออนไลน์ เว็บชุดสีที่ตามเทรนด์และมีหลายประเภทให้เลือกหยิบมาใช้ครับ –http://goo.gl/fNlbzU เว็บสร้างชุดสีของ Adobe มีสียอดนิยมอัพเดทด้วยนะครับ –https://goo.gl/3SMWnm 5. Right Images การเลือกใช้ภาพก็เช่นเดียวกันกับการเลือกใช้สี เพราะภาพที่ดีนั้นทำให้งานออกแบบชนะไปแล้ว 50% แต่การได้มาซึ่งภาพที่ดีก็ต้องลงทุนนะครับ เช่นต้องจ้างช่างภาพถ่ายให้ หรือถ่ายเองก็ตามที รวมทั้งการซื้อภาพจาก Stockphoto ต่างๆ หรือแม้แต่จะโหลดภาพฟรีจากเว็บไซต์อย่าง http://goo.gl/1mnzQxก็ตามทีเราล้วนต้อง “เลือก” ภาพที่ใช่ในงานของเราอยู่เสมอ เคล็ดลับสำคัญของการเลือกภาพที่จะนำมาใช้ 1.ภาพมีขนาดภาพใหญ่พอกับชิ้นงานเรา ควรใช้รูปคุณภาพสูงๆ เพราะถ้ามาแบบเล็กกระจิ๋วเอามาแต่งแทบตายยังใงก็ดูแย่อยู่ดี 2.ภาพต้องมีความชัดระดับนึง เป็นคนละเรื่องกับขนาดนะครับมันคือเรื่องของวัตถุในภาพที่จะต้องคมพอ แม้เราจะอยากเบลอมันภายหลังก็ควรนำภาพที่คมชัดที่สุดมาใช้ก่อนดีกว่า 3.ภาพต้องช่วยสื่อสารเรื่องราวของเราได้ เพียง 5 ทักษะนี้ที่ Graphic Designer ควรมีใว้และหมั่นฝึกฝนอยู่เสมอ สามารถใช้ได้กับงานทุกประเภทอย่างแน่นอน และเชื่อเถอะว่ายิ่งคุณทำมันได้ในระดับผู้เชี่ยวชาญมากเท่าไหร่ โอกาสของคุณจะยิ่งมากและขับให้ตัวคุณโดดเด่นออกมาจาก Graphic Designer คนอื่นๆ อย่างชัดเจนจริงๆ

วิธี Coaching : hierarchy of competence คือ

วิธี Coaching : hierarchy of competence คือ

hierarchy of competence ปิรามิดของความกระจ่างรู้ สามเหลี่ยมการกำหนดรู้
ฐานล่างสุด
1.Unconscious Incompetence – ไม่รู้ว่า(ตนเอง)ไม่รู้ ไม่รู้ว่าตนเองทำงานได้
2. Conscious Incompetence – รู้ว่า(ตนเอง)ไม่รู้ รู้ว่าทำงานไม่ได้
3. Conscious Competence – รู้ว่า(ตนเอง)รู้ รู้ว่าทำงานได้
4. Unconscious Competence – ไม่รู้ว่า(ตนเอง)รู้ ทำงานได้แต่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้
Coaching 5 ระดับ
  1. ทำให้ดู ใช้กับ Unconscious Incompetence
  2. คนแบบ Conscious Incompetence รู้ว่าทำผิด แต่ทำไม่ได้ ใช้วิธีการสอนแบบ คำถาม ให้เค้าฝึกตอบ
  3. คนแบบ Conscious Competence ต้องการ Guide อีกนิดนึง เรื่องที่เค้ารู้อยู่แล้วอย่าให้เค้าหลงประเด็น
  4. Conscious Competence แบบดีขึ้นหน่อย ทำงานได้ดีอยู่แล้ว แต่ต้องการคู่มือ ถ้าต้องการให้เค้าเก่งขึ้น คุณแค่ตั้งคำถามแบบไม่มีผิดถูก แต่เป็นคำถามเพื่อร่วมกัน Develop
  5. สนับสนุน ทีมงานที่เก่งที่สุด Unconscious Competence ต้องได้รับความสนับสนุน แต่ปล่อยเค้าไม่ได้ คอบประคอง และให้เค้ารู้ว่ามี. Cocher คอยประคองอยู่
  ดร พิสิฐ ตั้งพรประเสริฐ

การวางแผนอานาคต วางแผนอย่างนักออกแบบ ด้วย Odyssey Plan Odyssey Plan คือ

รับออกแบบกราฟิก

การวางแผนอานาคต วางแผนอย่างนักออกแบบ ด้วย Odyssey Plan Odyssey Plan คือ

Odyssey โอดีสซีย์ เป็นบทประพันธ์มหากาพย์กรีกโบราณหนึ่งในสองเรื่องของโฮเมอร์ ว่าด้วยการเดินทางกลับบ้านที่อิธาคาของวีรบุรุษกรีกชื่อ โอดิซูส Odyssey Plan คือระบบการคิดแบบนักออกแบบที่ว่าคนเรามีแผนควรที่มากกว่า 1 แผน เพื่อ ไปสู่จุดมุ่งหมาย โดยทางสถาบันชั้นนำทางด้านออกแบบ : Echos School ให้เราวางไว้ล่วงหน้า 5 ปี และแบ่ง ออกเป็น

Plan A : แผนที่ตั้งใจอยากจะทำ Plan B : แผนสำรอง (แต่สำคัญทั้ง 2 แผน) Plan C : นี่ก็สำคัญแต่วิธีเขียนแผนนี้ให้คิดว่า เราจะเป็นอะไร 5 ปีถ้าไม่มี 3 อย่างนี้ : 1. เงิน 2. ความสามารถของตนเอง 3. เสียงของคนอื่น

    ดร พิสิฐ ตั้งพรประเสริฐ

การคิดเชิงออกแบบ Design Thinking

รับออกแบบกราฟิก

การคิดเชิงออกแบบ Design Thinking

Creative Confidence ที่มาจากการฝึก การคิดเชิงออกแบบ Design Thinking
Design thinking = Mindset + Skill Set มันคือ Creative Confidence : “ความกล้าและความมั่นใจ” หมายถึง ความกล้าที่จะคิด กล้าที่จะลอง และถ่ายทอดไอเดียของตัวเองออกมาโดยที่ไม่กลัวจะถูกผู้อื่นตัดสิน ซึ่งความกล้านี้จะช่วยให้เราสามารถฝึกฝนและพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างดี และสำหรับความมั่นใจนั้นคือความมั่นใจในไอเดียของตนเองจนพัฒนามันออกมาสุดยอดผลงาน แต่ในทางกลับกันอย่าลืมรับฟัง Feedback จากคน
โดยองค์ประกอบของมันมี สามารถสรุปง่ายๆ แค่ 4 ทักษะ สิ่งเหล่านี้เป็นทักษะ ไม่ใช่หลักการ อย่างการทำความเข้าใจลูกค้า ต้องฝึกฝนในการตั้งคำถามและแยก Bias ให้ออก คือ 1. เข้าใจลูกค้า Empathise 2. ตีโจทย์ปัญหา Define 3. ลงมือทำ Ideate 4. สร้างต้นแบบ Prototype 5. ทำซ้ำ ทดสอบ Testing
ดร พิสิฐ ตั้งพรประเสริฐ

Educational technology (Edtech) คือ

Educational technology (Edtech) คือ

  ระบบและขั้นตอนการจัดการที่ประยุกต์ระหว่างเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อพัฒนา คุณภาพทางการศึกษา (ที่มีประสิทธิภาพ,เหมาะสมดีที่สุด) มันเป็นซึ่งระบบที่เป็นหนทางไปสู่กรอบแนวคิด การดำเนินงานที่เฉียบขาด และการประเมินผลของกระบวนการทางการศึกษา กล่าวคือ การเรียน และการสอน ที่ใช้เครื่องมือ เทคนิคทางการศึกษาที่ทันสมัย มันรวมถึงสื่อการสอน วิธีการ และการจัดการของการทำงานและความสัมพันธ์ กล่าวคือ พฤติกรรมของผู้มีส่วนร่วมในกระบวน การทางการศึกษา เรียกได้ว่าเป็น “ทรัพยากรทางการสอน”    

ดร.พิสิฐ ตั้งพรประเสริฐ

ความหมาย M-learning คืออะไร

รับออกแบบกราฟิก

ความหมาย M-learning คืออะไร

M-learning หรือ mobile learning ถูกนิยามว่า “เป็นการเรียนรู้บริบทต่างๆ ผ่านการฏิสัมพัทธ์ระหว่างสังคมและ content โดยใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ส่วนบุคคล การศึกษาระยะทางไกลแบบ e-learning ผู้เรียนสามารถใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นเครื่องมือในการศึกษาจากหลายพื้นที่ ในเวลาที่ตนเองสะดวก เทคโนโลยีที่ใช้ใน M-learning รวมถึง คอมพิวเตอร์เคลื่อนที่ เครื่อง MP3 คอมพิวเตอร์โน๊ตบุค โทรศัพท์มือถือ และแท็ปเล็ต M-learning มุ่งเน้นถึง การเคลื่อนที่ของผู้เรียน การปฏิสัมพันธ์กับเครื่องมือเทคโนโลยีที่พกพาได้ การใช้เครื่องมือเคลื่อนที่เพื่อเสริมสร้างตัวช่วยในการเรียนรู้ และเนื้อหาต่างๆ กลายเป็นส่วนสำคัญของ การศึกษาตามอัธยาศัย (Informal learning) M-learning มีความสะดวก เนื่องจากสามารถเข้าถึงได้จากทุกสถานที่อย่างแท้จริง การแลกเปลี่ยนข้อมูลสามารถเกิดขึ้นได้อย่างทันทีทันใดสำหรับทุกคนที่มีการใช้เนื้อหาร่วมกัน ซึ่งทำให้ได้รับข้อเสนอแนะ และเคล็ดลับต่างๆอย่างทันที ซึ่งกระบวนการเรียนรู้ที่รวดเร็วมากเช่นนี้ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยเพิ่มคะแนนการสอบ จากเปอร์เซ็นต์ไทล์ ที่ 50 เป็นเปอร์เซ็นต์ไทล์ที่ 70 M-learning ยังมีความสามารถในการพกพาได้อย่างดี โดยแทนที่หนังสือ ด้วยเครื่องมือเล็กๆที่เต็มไปด้วยเนื้อหาในการเรียนรู้ รูปแบบและบทบาทของ Mobile Learning + ตอบสนองความสนใจของผู้เรียนเองได้อย่างอิสระ + สามารถพกพาไปที่ต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย + ตอบสนองความต้องการได้ฉับไว + สร้างพื้นที่การเรียนรู้ได้ไม่จำกัดพื้นที่และเวลา   องค์ประกอบหลักของ M-Learning + Devices + Content + Technology   ดร พิสิฐ ตั้งพรประเสริฐ

การพัฒนาองค์กรในยุค Disruption ด้วย 7 Core Value

รับออกแบบกราฟิก

การพัฒนาองค์กรในยุค Disruption ด้วย 7 Core Value

7 Core Value ของ tom kelley จากบริษัทวางแผนการออกแบบสร้างสรรค์ ระดับโลก ideo : 1.Be Optimistic ทุกสิ่งเป็นไปได้ ให้มองโลกในแง่ดี ทุกอย่างเป็นโอกาส เหมือนจะง่ายแต่สุดท้าย ติด ล็อค ให้เปลี่ยนคำถาม This is Posibility to do ? How might be 2. Collaborate : The most powerful asset สิ่งที่มีค่ามากสุด คือ We ทุกคนทีความถนัด มีคุณค่าที่ต่างกัน หัวหน้าเป็นแค่ คนอำนวยความสะดวกแค่นั้น facilitator
3.Embrace Ambiguity ความคลุมเครือ ในระหว่างที่คุณทำถึงช่วงกลาง Project คุณไม่สามารถเห็นปลายทาง มันจะเกิดความเครียด ให้ comfortable โอบกอดมันไว้ ให้สบายใจในสิ่งที่คุณไม่สบายใจ 4.Learn from failure ให้เรียนรู้จากความล้มเหลว ให้คุณขอคำขออภัยมากกว่าขออนุญาตในการล้มเหลว โอเค ไม่เป็นไร 5. Make other Sucessful ทำให้คนอื่นประสบความสำเร็จ ในแต่ละ Project ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ถ้าขาดความสามารถของแต่ละคน อย่างน้อยๆ เราทำหน้าที่เราให้ดี ไปพร้อมๆ กับ ช่วยอำนวยความสะดวกหรือตอบคำถาม คนในทีมในสิ่งที่เราถนัด 6. take onwership ให้ทุกคนในองค์กรทำงานอย่างเต็มที่ ด้วยวิธีคิดแบบ ทุกคนเป็จเจ้าขององค์กร หรือเจ้าของ Project มีทั้งความภูมิใจ ความสำคัญ พร้อมๆ กับ เคารพผู้อื่น 7. Talk less do more พูดให้ ลงมือทำ ไม่มีสิ่งไหน ฆ่าบริษัทแต่ไม่ลงมือทำ
ดร พิสิฐ ตั้งพรประเสริฐ

Agile คืออะไร

รับออกแบบกราฟิก

Agile คืออะไร

การบริการองค์กรแบบ Agile organization คือ ความคล่องตัว ความปรับตัว ในการบริหารงานบุคคล HR. วงการ HR – Transformation – เหมาะกับธุกิจแบบ tech company ทำในแต่ Project ให้สำเร็จ Cross Functional การทำงานแบบรวม Team Squad รวมทีมเพื่อพัฒนา Project โดย Project อาจเป็น Project ย่อยๆ ได้ ให้แต่ละคนมีอำนาจการตัดสินใจเต็มที่ ไม่ต้องผ่านการทำงานแบบเดิม แบบ water fall : การทำงานเป็น Top to Down ผ่านหัวหน้าหลยาฝ่าย หลายชั้น Agile Methodology คือแนวคิดในการทำงาน(ไม่ใช่รูปแบบหรือขั้นตอนการทำงาน) และไม่จำกัดว่าใช้ได้สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในสายซอฟต์แวร์(Software) เท่านั้น โดยอไจล์ให้ความสำคัญในการสื่อสารกับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย และการปรับปรุงพัฒนาผลิตภัณฑ์อยู่ตลอด เพื่อตอบสนองผู้ใช้งาน ไม่เกิดความคล่องตัว แนวคิดสำคัญคือ 1. ไม่เน้นกระบวนการ ไม่เน้นเอกสาร 2. Flexible มีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา 3. ทำทีละนิด แต่ทำบ่อยๆ ในแต่ละ Project ทำให้เห็นผลเร็ว 4. Fail Fast ผิดพลาดเร็ว และพัฒนาเปลี่ยนได้เร็ว ข้อดี : ทำให้กำแพงระหว่างการทำงานมีน้อยลง เป็นการ From team ขึ้นเพื่อสำหรับ Project และเข้าสู่ 4 กระบวนการนั้นๆ เหมาะกับองค์กร แบบ flat site   ดร. พิสิฐ ตั้งพรประเสริฐ http://machinothailand.com